คลินิกเสริมความงามที่ได้รับความไว้วางใจ
Lyft Clinic เนรมิตความสวยให้เป็นจริง
ยืนหนึ่งเรื่องปรับรูปหน้า
ฉีดผิวหน้าขาวใส
เมโสหน้าใส



เมโสหน้าใส หรือ Mesotheraphy เป็นการฉีดวิตามินและสารสกัดที่มีประโยชน์เข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อบำรุง ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพและแก้ปัญหาต่างๆ บนผิวหน้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น ขาวกระจ่างใส ลดการอักเสบ ช่วยขับสารพิษที่สะสมและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น

ในบทความนี้หมอจะอธิบายเจาะลึกว่าเมโส คืออะไร ช่วยให้หน้าใสได้อย่างไร เมโสหน้าใส อันตรายไหม เหมาะกับใครบ้าง ราคาเมโสหน้าใส รวมถึงข้อควรระวังในการทำเมโสหน้าใส มีอะไรบ้าง?

สามารถศึกษาได้ในหัวข้อต่อไปนี้ครับ


สารบัญเมโสหน้าใส

เมโสหน้าใส คืออะไร

คำว่า “เมโส” มีที่มาอย่างไร?

เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

เมโสหน้าใส อันตรายไหม?

เมโสหน้าใส แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?

เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี?

เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด vs 16 จุด

ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม?

เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน?

หน้ามัน รูขุมขนกว้าง เมโสช่วยได้ไหม?

เมโสรักษาฝ้าได้จริงไหม?

ฉีดเมโสหน้าใส ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง?

หลังทำเมโสแล้วผื่นแดงขึ้น ต้องทำอย่างไร?

เมโสหน้าใส เห็นผลในกี่วัน และต้องทำบ่อยแค่ไหน?

การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง?

นอกจากเมโสหน้าใสแล้ว มีวิธีไหนที่ช่วยให้หน้าใสได้อีก?

เมโสหน้าใสแบบทา ได้ผลจริงไหม?

ข้อควรระวังในการทำเมโสหน้าใส

ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี?

เมโสหน้าใส รีวิว

เมโสหน้าใส ราคา เท่าไหร่?


Q : เมโสหน้าใส คืออะไร?

เมโสหน้าใสคือ ทรีทเม้นท์บำรุงผิว เป็นทางลัดในการนำส่วนผสมที่มีอยู่ในครีมต่างๆ โดยเฉพาะตัวที่ดูดซึมจากการทาได้ยาก มาทำให้สามารถฉีดเข้าในชั้นผิวได้โดยตรง และออกฤทธิ์ไวขึ้น จากปกติอาจใช้เวลาเป็นเดือน ทำให้เริ่มเห็นผลได้ใน 1 อาทิตย์หลังฉีด

Q : คำว่า “เมโส” มีที่มาอย่างไร?

คำว่าเมโส มาจากคำว่า meso แปลว่าตรงกลาง หมายถึงการฉีดลงใน “ชั้นกลางของผิว”

ในผิวชั้นกลาง (Dermis) เป็นชั้นผิวหนังแท้ จะประกอบไปด้วยคอลลาเจน อิลาสติน เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิว และ hyaluronic acid ซึ่งอายุที่มากขึ้นหรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตจะทำให้ระดับคอลลาเจน อิลาสติน และโครงสร้างผิวเสื่อมสภาพลง

การฉีดเมโสหน้าใสเข้าไปในจุดนี้ จึงเป็นวิธีบำรุงโครงสร้างผิวที่เห็นผลดีและรวดเร็ว ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง ยืดหยุ่น

Q : เมโสหน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

  • ฟื้นฟูผิวจากสารพิษ เช่น ภาวะผื่นแพ้ สิว
  • ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดการเกิดเม็ดสีเมลานิน
  • ให้ผิวมีความชุ่มชื้น แข็งแรง สุขภาพดี
  • ลดฝ้า กระ แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง
  • เสริมสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว

Q : เมโสหน้าใส อันตรายไหม?

การฉีดเมโสหน้าใส ไม่อันตรายครับ ส่วนผสมในตัวยาเมโสประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ตามหลัก Homeopathy เป็นวิตามินต่างๆ ที่ช่วยบำรุง และเสริมภูมิคุ้มกันให้ผิว ถ้าฉีดโดยใช้ตัวยาเมโสแท้ที่ผ่านอย. กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย 100%

มโสหน้าใสที่ต้องระวังคือการฉีดเมโสปลอม เมโสที่รับฉีดตามบ้าน หรือสั่งซื้อเองทางออนไลน์ เป็นตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน ใช้แล้วอาจมีอาการแพ้ เป็นผื่น ทำให้ผิวบางหรือเกิดการอักเสบได้ครับ


Q : เมโสหน้าใส มีกี่แบบ? เมโสหน้าใสแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?

แบ่งเมโสหน้าใสได้เป็น 3 แบบ ดังนี้

  1. ฉีดหน้าขาวใส มีส่วนผสมของวิตามินต่างๆที่ทำให้หน้าขาว เช่น vitamin ABCE, Transamin, Glutathione
  2. เน้นหน้าใส จะมีส่วนผสมของคอลลาเจน และ โคเอนไซม์ เป็นหลัก ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวฟูขึ้น กระชับรูขุมขน
  3. เน้นลดสิว-แก้ผื่น จะช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสมออก คอลลาเจนยังช่วยให้ต่อมไขมันทำงานลดลงช่วยลดสิว เมโสยี่ห้อที่มีจุดเด่นด้านนี้คือ มาเด้-คอลลาเจน ครับ

Q : เมโสหน้าใส ยี่ห้อไหนดี?

เนื่องจากผิวหน้าแต่ละคนมีลักษณะแตกต่างกัน การจะทราบว่าผิวหน้าของเรานั้น เหมาะกับใช้ เมโส ยี่ห้อไหนดี? ควรให้หมอตรวจประเมินเพื่อปรับสูตรเมโสให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของแต่คนครับ

  • Made Collagen ลดสิว ลดผื่น
  • Tensonez ผิวขาว ใส ลดฝ้า
  • Depigment ช่วยลดฝ้า
  • Filorga ช่วยผิวขาวใส ลดฝ้า และบำรุงผิวล้ำลึก
  • Alpha arbutin เน้นลดฝ้าโดยตรง

ที่ V Square Clinic เราจะให้แพทย์ตรวจประเมินผิวหน้าคนไข้ก่อนทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้จะได้สูตรเมโสที่เหมาะกับสภาพผิวคนไข้มากที่สุด


Q : เทคนิคการฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด vs แบบ 16 จุด

การฉีดเมโสหน้าใสแบบสะกิด

แต่เดิมการฉีดเมโส จะใช้เข็มฉีดตัวยากระจายเป็นจุดเล็กๆ ในผิวชั้นตื้นทั่วทั้งหน้าเรียกว่า mesotherapy ข้อดีของการใช้เข็มจิ้มเป็นจุดเล็กๆ ทั่วหน้า จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปด้วยในตัว แต่ข้อเสียคือ อาจเกิดรอยช้ำรอยแดง และถ้าระหว่างฉีดไม่สะอาดพอจะเกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้ (ส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นกับคนไข้ที่ซื้อเมโสมาฉีดเอง)

การฉีดเมโสหน้าใสแบบ 16 จุด

ต่อมาที่ประเทศอิตาลีมีการค้นพบเทคนิคการฉีดวิตามินหน้าใส 16 จุด โดยจะฉีดตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง การฉีดเมโสหน้าใส แบบนี้ มีข้อดีคือ เป็นแผลน้อยกว่า รอยช้ำน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า ตัวยาออกฤทธิ์ได้ยาวนานกว่า เปรียบเทียบคล้ายเราฝังตัวยาไว้ที่ต้นน้ำแล้วปล่อยให้ยาค่อย ๆ ไหลกระจายออกมา เทคนิคนี้จะออกฤทธิ์ได้นานกว่าแบบสะกิด เมโสหน้าใส

Q : ฉีดเมโสหน้าใส เจ็บไหม?

หากไม่ได้ใช้ยาชา จะมีรู้สึกตอนฉีดแต่ความเจ็บอยู่ในระดับที่ทนได้ครับ โดยปกติแล้ว การฉีดเมโสหน้าใสจะไม่ได้มีการแปะยาชา เนื่องจากฉีดผิวชั้นกลาง ปริมาณตัวยาไม่มากและใช้เวลาไม่นาน การประคบน้ำแข็งก่อนฉีดก็เพียงพอครับ

Q : เมโสหน้าใส อยู่ได้นานแค่ไหน?

เมโสหน้าใส อยู่ได้นาน 1-2 เดือน หากฉีดอย่างสม่ำเสมอครับ และจะอยู่ได้นานขึ้น ที่สำคัญคือดูแลตัวเองและไม่ทำพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว เช่น การตากแดดจัด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดื่มแอลกอฮอลล์หรือสูบบุหรี่


Q : หน้ามัน รูขุมขนกว้าง มีฝ้า การฉีดเมโสช่วยได้ไหม?

หน้าที่ของต่อมไขมันคือรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวครับ ถ้าเราฉีดคอลลาเจนลงในผิวก็จะทำให้ต่อมไขมันทำงานน้อยลง หน้ามันน้อยลง และรูขุมขน(ที่ไม่ใช่รอยสิว) ก็จะค่อย ๆ เล็กลงตามครับ

Q : เมโสรักษาฝ้าได้จริงไหม?

ในกรณีฝ้า สามารถใช้เมโส เพื่อชะลอการกระจายของฝ้า และ ช่วยให้จางลงได้ 20-50 % ในบางเคสครับ ฝ้าเกิดจากการที่เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเมลานิน หรือเม็ดสีออกมามากเกินจำเป็น ทำให้เกิดเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลบนผิว ซึ่งการเกิดฝ้าเป็นกลไกป้องกันผิวตามธรรมชาติ โดยมีหลายสาเหตุไม่ว่าจะจากการแพ้ หรือจากแสงแดด

ซึ่งในเทคโนโลยีล่าสุดปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น เลเซอร์ pico ยาทา ยากิน ยาฉีด ยังไม่มีวิธีไหนที่ทำให้ฝ้าหายขาดได้เลยครับ การรักษาทำได้เพียงช่วยชะลอไว้ หรือในฝ้าบางประเภท อาจจะไม่ได้ผลเลยก็มีครับ

Q : ฉีดเมโสฝ้า กี่วันเห็นผล?

การฉีดเมโสเพื่อรักษาหรือชะลอฝ้า จะเห็นผลเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้มีปัญหามากน้อยแค่ไหน และมีความสม่ำเสมอในการฉีดเมโสหน้าใสหรือไม่ครับ

การที่จะให้เห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ต้องฉีดเมโสหน้าใสต่อเนื่อง การฉีดครั้งเดียวอาจจะไม่เพียงพอครับ หมอจะแนะนำให้ฉีดคอร์ส 5 ครั้ง เพื่อรักษาผลลัพธ์ และช่วยให้ฝ้าลดลงเร็วขึ้น ปกติจะค่อยๆ เห็นผลใน 7-14 วัน

Q : ฉีดเมโสหน้าใส มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

ฉีดเมโสหน้าใส ผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง? การฉีดเมโสหน้าใส เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากตัวยาที่ฉีดเข้าไปเป็นสารที่มีประโยชน์ต่อผิว จำพวกวิตามินช่วยบำรุงให้ผิวกระจ่างใส

ดังนั้น ผลข้างเคียงที่มีจะเป็นในเรื่องของรอยเข็มตามใบหน้าที่เกิดจากตอนฉีดตัวยา ซึ่งรอยเข็มเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-3 วัน หลังฉีดจะมีเป็นตุ่มนูนๆ ตรงบริเวณที่ฉีด แต่เมื่อตัวยาซึมเข้าผิวหมดแล้วก็จะยุบลงไปเองครับ


Q : หลังทำเมโสแล้วผื่นแดงขึ้น ต้องทำอย่างไร?

ผื่นแดงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

  1. เกิดจากการอักเสบติดเชื้อ มักจะไม่บวมแดงทันทีหลังทำทันที จะเริ่มบวมแดงมากขึ้นหลังจากวันที่ 3 หลังฉีด หากรีบรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อก็จะหายได้อย่างปลอดภัย 100% และควรระวังเรื่องความสะอาดในการฉีดครั้งต่อ ๆ ไป
  2. เกิดจากการแพ้ ยาชาแบบทา หรือตัวยาเมโส จะบวมแดงทันทีหลังทำ และเป็นทั่วทุกจุดที่ฉีด หรือ จุดที่ทายาชา ถ้าแพ้แบบไม่รุนแรง(ไม่อันตราย) จะหายเองใน 1 คืนหลังฉีด หากบวมแดงนานเกิน 24 ชม ควรมาพบแพทย์เพื่อขอรับยากินเพิ่ม
  3. เกิดจากผื่นคนไข้กำเริบ หรือเป็นผื่นจากโรคอื่น ๆ ที่เกิดพร้อมกันพอดี ระยะเวลาการเกิดผื่นจะไม่แน่นอน ตำแหน่งที่เกิดผื่นจะไม่ตรงกับทุกจุดที่ฉีด ควรติดต่อแพทย์เพื่อให้วินิจฉัยเบื้องต้นและรักษาตามโรคนั้น ๆ ต่อไป
  4. ผื่นแดงจากรอยเข็ม รอยช้ำ จะออกสีม่วงเขียวตามจุดที่ฉีด อาจเกิดทันที หรือหลังฉีด 2-3 วันได้ แก้ไขด้วยการประคบเย็นภายใน 48 ชม.แรก หลังจากนั้นสามารถประคบอุ่นได้ตามคำแนะนำของแพทย์

Q : ฉีดเมโสหน้าใส กี่วันเห็นผล? ต้องทำบ่อยแค่ไหน?

หลังฉีดเมโสหน้าใส จะเริ่มเห็นผลประมาณ 3 วันหลังฉีด และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน โดยปกติ เมโสหน้าใส จะฉีดอาทิตย์ละครั้งใน 1 เดือนแรก และหลังจากนั้นฉีดทุกๆ 2 อาทิตย์เพื่อคงสภาพ เมโสหน้าใส ไม่มีแบบถาวรครับ สลายหมดไม่มีสารตกค้าง


Q : ฉีดเมโสหน้าใสดีไหม การฉีดเมโสหน้าใสเหมาะกับใครบ้าง?

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นเหมือนการให้อาหารผิวโดยการฉีดสารบำรุงที่มีประโยชน์ ถ้าถามว่าเมโสหน้าใสฉีดแล้วดีไหม จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนด้วยครับ บางคนอาจจะเห็นผลไว บางคนต้องใช้เวลา ดังนั้นควรให้หมอประเมินก่อนว่าเหมาะกับการใช้ยาตัวไหน สูตรใดครับ

  • คนที่ขี้เกียจทาครีม และต้องการผลที่ไวกว่าการทาครีม
  • คนที่ไม่มีเวลาดูแลตนเอง อดนอน ทำงานหนัก
  • คนที่ต้องการผลแบบเร่งด่วน ก็สามารถฉีดถี่ขึ้น 3 วัน/ครั้ง ได้ครับ

Q : นอกจากเมโสหน้าใสแล้ว มีวิธีไหนที่ช่วยให้หน้าใสได้อีก?

เลเซอร์หน้าใส

เป็นการใช้คลื่นแสงจำเพาะเพื่อกระตุ้นเซลล์ผิวต่าง ๆ กระตุ้นคอลลาเจน ลดการทำงานของเม็ดสี แต่ข้อเสียคือ ไม่ว่าคลื่นแสงนั้นจะจำเพาะเพียงใด สำหรับผิวคนเอเชียจะมีเม็ดสีของผิวชั้นบน ทำให้ผิวชั้นบนหลุดออกบางส่วน ผิวชั้นบนมีส่วนช่วยในการป้องกันแสงแดด ประกอบกับแสงแดดเมืองไทยที่ค่อนข้างแรงย่อมไม่เป็นผลดีต่อผิวในระยะยาวครับ (เทคโนโลยีและงานวิจัยต่างๆที่เกี่ยวกับเลเซอร์หน้าใสจะเหมาะกับทางยุโรปที่ผิวขาวและแดดไม่แรงครับ)

ทางคลินิกจึงไม่แนะนำเลเซอร์หน้าใสครับ จะแนะนำให้ทำเลเซอร์หน้าใสเฉพาะกรณีต้องการผลเร่งด่วน หรือหากทำเพื่อรักษาหลุมสิว กำจัดขน ลดรอยฝ้า หรือโรคอื่นๆ ก็สามารถทำได้ปกติครับ

เมโสหน้าใส ในปัจจุบัน ได้ผลใกล้เคียงกับเลเซอร์หน้าใส โดยที่ไม่ทำให้ผิวชั้นบนหลุดออกครับ

โบท็อกหน้าใส

ในชั้นผิวนอกจะมีเส้นใยเล็ก ๆ ที่เชื่อมลงไปสู่ชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกลงไป เมื่อกล้ามเนื้อดึงจะทำให้เกิดริ้วรอย ในคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไปคอลลาเจนและไขมันเริ่มลดลง จะทำให้เส้นใยเหล่านี้ดึงผิวเราได้ชัดขึ้นวิธีการเลือกใช้โบท็อกซ์ยี่ห้อต่างๆ

เราใช้โบท็อกฉีดเข้าไปที่กล้ามเนื้อให้ดึงผิวเราน้อยลง ก็จะทำให้ ผิวชั้นบนเรียบเนียนขึ้น และใสขึ้นครับ

Skin booster

ในต่างประเทศคำนี้จะถูกใช้เรียก Restylane vital light skin booster จะเป็น Hyaluronic acid ที่เข้มข้นกว่า เมโสหน้าใส ทั่ว ๆ ไป อยู่ได้นานกว่า และเป็นน้ำมากกว่าฟิลเลอร์ปกติ จะสามารถแพร่กระจายในชั้นผิวได้ทั่วทุกชั้นและกว้างกว่า เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ความหย่อนของผิว มีร่องลึก และต้องการหน้าใสควบคู่กัน คล้าย ๆ การที่เราเติมนุ่นเข้าไปในหมอนให้หมอนตึง

Hifu

เป็นคลื่นเสียง ไม่ใช่แสง จึงไม่มีผลเสียต่อผิวชั้นนอก ทำให้ชั้นหนังแท้หดตัว คล้าย ๆ การเย็บให้ผิวตึง และใสขึ้น ถ้าให้เห็นภาพง่ายขึ้นเหมือนกับเราดึงปลอกหมอนให้หมอนตึงครับ

เมโสหน้าใสแบบทา ได้ผลจริงไหม?

เมโสหน้าใสแบบทา ที่เคยได้ยินทั่วไปในอินเทอร์เน็ตเป็นครีมหรือเซรั่มที่ใช้บำรุงผิวครับ การเห็นผลก็เหมือนกับครีมทั่วๆ ไป ต้องรอให้ผิวซับตัวยาเข้าไป ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ประสิทธิภาพจะต่างจากเมโสหน้าใสแบบฉีดมากครับ


Q : ข้อควรระวังในการทำเมโสหน้าใส

มี เมโสหน้าใส หลายยี่ห้อที่ไม่ผ่าน อย. นั่นหมายความว่า จะไม่สามารถยืนยัน ที่มาและแหล่งผลิตได้ รวมถึง ไม่มั่นใจว่าตัวยาที่อยู่ในเมโสนั้น ๆ จะเกิดผลเสียในระยะยาวหรือไม่ เช่น ถ้ามีส่วนผสมของ สเตียรอยด์หรือฮอร์โมน ก็จะทำให้เห็นผลไว ผิวขาวเนียนนุ่ม แต่เมื่อฉีดไปนานๆ 1-2 ปี จะทำให้ชั้นผิวบางลง เกิดฝ้า ผิวไวต่อแดดและเกิดริ้วรอยก่อนวัย บางทีอาจจะถึงขั้นเกิดมะเร็งได้ครับ

ดังนั้น จึงแนะนำว่า ควรขอดูยี่ห้อยา ก่อนฉีดเมโสทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย

มี อย. หมายถึง เป็นยาที่ขึ้นทะเบียนถูกต้อง มีบริษัทที่นำเข้าชัดเจน การขนส่งยาถูกกรรมวิธี ยาไม่เสื่อมสภาพ และสามารถเช็คแหล่งผลิตได้ มีความปลอดภัย สามารถตรวจสอบกับ บริษัทที่นำเข้าได้ว่าคลินิกนั้นๆใช้ยาแท้หรือไม่

ถ้าไม่มี อย. ก็จะไม่มั่นใจว่า ใช่ยาแท้หรือไม่ เนื่องจากมีโรงงานจำนวนมากที่จีนนิยมทำสินค้าเลียนแบบ ประเภท เมโสหน้าใส ต่าง ๆ นี้ออกมามาก เพราะแค่กล่องเล็ก ๆ ก็สามารถขายได้ราคาสูง

โดยที่เทคโนโลยีการปลอมนั้น สามารถเลียนแบบแพคเกจได้เหมือน 100% แม้แต่หมอก็แยกไม่ออก หมอก็ต้องสั่งจากบริษัทที่นำเข้าที่ขึ้นทะเบียนกับ อย.เท่านั้นครับ (ยาหนึ่งยี่ห้อจะมีเพียงบริษัทเดียวที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง)

Q : หลังฉีดเมโสหน้าใสห้ามทำอะไร?

  1. ไม่ควรนวดผิวบริเวณที่ทำทันที
  2. งดทาครีมบริเวณรอยเข็มหลังทำทรีทเม้นท์ 1 คืน
  3. หากเกิดรอยแดง ช้ำ จากรอยเข็มบริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์

ฉีดเมโสหน้าใส ที่ไหนดี?

ก่อนตัดสินใจ ฉีดเมโสหน้าใส ควรศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ดำเนินงานโดยแพทย์ ให้คำแนะนำอย่างละเอียด ราคาสมเหตุสมผล และควรตรวจสอบตัวยาและกล่องยาก่อนฉีดทุกครั้ง

โดยปกติ เมโสหน้าใส ที่ผ่าน อย. นั้น บริษัทที่นำเข้ามาอย่างถูกต้อง จะขายให้กับแพทย์เท่านั้นเพราะมีกฏหมายยาบังคับ ยาเมโสหน้าใสที่ลักลอบขายตามอินเทอร์เน็ตจะเป็นยาหิ้วและไม่ปลอดภัยครับ ที่ lyft Clinic จะประเมินผิวหน้าและเลือกสูตรที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด



ดูรีวิวอื่น ๆ เพิ่มเติม
โปรโมชั่นดีๆจาก Lyft Clinic
โปรโมชั่น1
อัพความมั่นใจ กับการเติมรูปหน้าสวยด้วย Filler neuramis 5,900 บาท
Hifu ทั้วหน้า 200 Shots เพียง 3,900 บาท
หน้าไบร์ท แบบเร่งด้วย ในงบ 2,900 บาท ด้วย HYA สูตรเข้มข้น