คลินิกเสริมความงามที่ได้รับความไว้วางใจ
Lyft Clinic เนรมิตความสวยให้เป็นจริง
ยืนหนึ่งเรื่องปรับรูปหน้า
ร้อยไหมยกกระชับ ร้อยไหม
ร้อยไหม

ร้อยไหม


การร้อยไหม คือ การใช้เข็มนำเส้นไหมละลายที่มีเงี่ยง สอดลงในชั้นผิวหนัง ผิวก็จะถูกเงี่ยงเกี่ยวขึ้นมาตามเส้นไหมในทิศทางที่ร้อยไหมเข้าไป คล้ายๆ ตะขอเกี่ยว สามารถทำได้ทั้งการร้อยไหมปรับรูปหน้า ร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมกระชับหน้า ร้อยไหมจมูก

ในบทความนี้จะกล่าวถึง ข้อดี-ข้อเสีย ขั้นตอนการร้อยไหม ประโยชน์ของการร้อยไหม ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ และการเลือกชนิดเส้นไหมให้เหมาะกับหน้าของแต่ละคน สำหรับคนที่กำลังหาสถานที่ร้อยไหม ก่อนอื่น แนะนำให้อ่านบทความนี้ครับ

สารบัญร้อยไหม

  1. ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
  2. ร้อยไหมเหมาะกับใคร
  3. ร้อยไหมอันตรายไหม
  4. ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม ที่สำคัญ
  5. ข้อดีข้อเสีย ร้อยไหม
  6. หลังร้อยไหม2สัปดาห์แล้วบวม เกิดจากอะไร
  7. เข็มร้อยไหมแบบต่างๆข้อดีข้อเสีย
  8. ทำไมร้อยไหมแล้วอยู่ไม่ถึง6เดือน
  9. ร้อยไหมแบบไหนดีสุด
  10. การดูแล ก่อน-หลัง ร้อยไหม เพื่อให้อยู่นานที่สุด
  11. ร้อยไหม โบท็อก ฟิลเลอร์ อัลเทอร่า ไฮฟู่ ทำอะไรดีสุด
  12. ร้อยไหมราคาเท่าไหร่
  13. รีวิวร้อยไหม
  14. บทความร้อยไหมที่น่าสนใจ

ร้อยไหม ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมและรู้จักกันมานานครับ โดยสามารถช่วยได้หลายเรื่อง ได้แก่

  • ร้อยไหม หน้าเรียว ปรับรูปหน้า
  • ร้อยไหม ยกกระชับ แก้ปัญหาแก้มหย่อน
  • ร้อยไหมจมูก เสริมจมูกให้โด่งสวย
  • ร้อยไหม ช่วยลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว

การร้อยไหมเหมาะกับใครบ้าง?

การร้อยไหม เหมาะกับคนที่อยากยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย รวมถึงช่วยลดริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลรวดเร็วครับ

ในการร้อยไหม จะมีจุดที่ดึงบริเวณแก้มส่วนล่างและจุดที่ยึดอยู่บริเวณขมับดึงเข้าหากันจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ทันที

หลังการร้อยไหม จะทำให้ผิวบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไป เกิดการกระตุ้นเซลล์ที่มีหน้าที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และทำให้เลือดไหลเวียนมาเลี้ยงชั้นผิวหนังมากขึ้น ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึงขึ้นอย่างชัดเจน

นอกจากนี้การร้อยไหม ยังสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น เช่น ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือ ไฮฟู่ โดยควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาร่วมกันครับ


ร้อยไหม อันตรายไหม?

ร้อยไหม ไม่อันตรายครับ ถ้าหากร้อยด้วยวิธีที่ถูกต้อง และใช้ไหมละลายที่ผ่านการรับรองจาก อย. รวมไปถึงเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยครับ

เมื่อเวลาผ่านไป 6-18 เดือน เส้นไหมก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตราย การร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องก็จะเกิดเป็นเส้นใยอิลาสตินช่วยประคองผิว คล้ายเส้นเอ็นที่มีอยู่ตามธรรมชาติของร่างกายครับ


ผลข้างเคียงจากการร้อยไหม ที่ควรรู้?

ผลข้างเคียงปกติที่เกิดขึ้นได้

  • มีอาการบวม หรือเขียวช้ำ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปเองใน 7 - 14 วัน
  • ขณะทำจะรู้สึกถึงเส้นไหมที่ถูกร้อยเข้าไปบนใบหน้า
  • อาจมีเลือดออกบริเวณที่แทงเข็มเข้าไป

สำหรับผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น ไหมทะลุ ไหมขาด เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อ ติดเชื้อ ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดจากการร้อยไหมกับหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน ไม่ได้ใช้ไหมที่ปลอดภัย ดังนั้นก่อนตัดสินใจ ร้อยไหม ควรพิถีพิถันในการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและหมอที่มีประสบการณ์เท่านั้นครับ


ร้อยไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?

No.ข้อดี
1.เงี่ยงไหมที่คล้ายตะขอจะเกี่ยวดึงผิวขึ้นได้ทันที หลังร้อยไหมเห็นผลได้ทันที
2.เส้นใยดังกล่าว ถ้าอยู่ในแนวที่ถูกต้อง และชั้นผิวที่เหมาะสม ก็จะสามารถช่วยประคองผิว กระชับผิว คล้ายๆ เส้นเอ็นที่อยู่บนใบหน้าตามธรรมชาติ
3.ไหมละลายที่ปลอดภัยสำหรับการร้อยไหมในปัจจุบันทำจากวัสดุ 3 ชนิดPDO (Polydioxanone)PLLA (Polylactate)PCL (Polycaprolactone)ซึ่งวัสดุทั้ง 3 ชนิดนี้ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผลครับ
4.ไหมละลายในปัจจุบัน ไม่มีส่วนผสมของโลหะ สามารถละลายได้หมด 100% ตามระยะเวลา โดยไม่มีสารตกค้าง จะเหลือเพียงเส้นใย elastin ที่ร่างกายเราสร้างขึ้นมาซึ่งช่วยประคองผิว
5.ในคนที่แก้มตอบบางเคสสามารถใช้ไหมดึงไขมันขึ้นมาเติมแก้มได้ แก้มล่างยุบและแก้มบนเต็มขึ้น(ต้องมีเนื้อแก้มส่วนล่างให้ดึงนะครับ ถ้าไม่มีเนื้อก็ต้องใช้ฟิลเลอร์)
6.หาก ร้อยไหม กับแพทย์ที่มีความชำนาญ และร้อยด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง ก็จะลดความเสี่ยงในการบวมช้ำลงได้มาก
7.การร้อยไหมเส้นเล็กๆ สามารถแก้ริ้วรอยในบางจุดได้เช่น ริ้วรอยเล็กๆ บริเวณมุมปากที่คล้ายๆ ลักยิ้ม หรือริ้วรอยหางตา, หน้าผาก ในเคสที่ดื้อโบท็อก
No.ข้อเสีย
1.บนเส้นไหมจะมีเงี่ยงที่ทำหน้าที่คล้ายตะขอสำหรับดึงผิวไปในทิศที่ต้องการ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้องหรือร้อยตื้นเกินไป จะเกิดรอยบุ๋มขึ้นตามแนวที่ร้อยไหมได้
2.เส้นไหมจะกระตุ้นให้ fibroblast (เซลล์สร้างคอลลาเจน) เกิดการสร้างเส้นใย collagen และ elastin แต่ถ้าซ้อนทับกันมากเกินไป และอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องก็จะเรียกว่า พังผืด (fibrosis) ถ้าอยู่ในผิวชั้นตื้นเกินไป ก็จะดึงรั้งผิวให้ผิดรูปได้
3.ไหมละลายมีอายุ 4 เดือน-2 ปี ขึ้นกับชนิดของเส้นไหม แต่ถึงแม้ไหมจะยังละลายไม่หมด ในคนส่วนมาก เมื่อเวลาผ่านไป 6-8เดือน ผิวก็จะหลุดออกจากเส้นไหมได้ก่อน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานเท่าตามที่โฆษณาและไหมละลายบางชนิดที่อยู่ได้นาน แต่ขาดความยืดหยุ่น เมื่อเวลาผ่านไปจะเกิดการเคลื่อนตัวและทะลุโผล่ออกมานอกผิวหนังได้
4.หากเป็นไหมยุคโบราณ ที่มีส่วนผสมของโลหะ เช่นทองคำ โลหะจะดูดความร้อนจากการทำ X-ray, MRI, เครื่องสแกนต่างๆ และจะทำให้ผิวไหม้ได้
5.ในทรงหน้าของบางเคสที่โหนกแก้มเด่น หากร้อยไหมจะยิ่งทำให้โหนกแก้มเด่นขึ้น และไม่สวยแนะนำให้ปรับรูปหน้าด้วยวิธีอื่นแทนเช่น ฟิลเลอร์แก้มตอบ
6.ในการร้อยไหม มีความเสี่ยงที่จะเกิดการบวมช้ำหลังทำค่อนข้างสูง ทั้งจากการฉีดยาชา และเลือดที่ออกใต้ผิวหนัง ถึงแม้หลังทำทันทีจะบวมน้อย แต่ก็อาจจะบวมมากขึ้นในช่วง 3-4 วันแรก ซึ่งส่วนมากก็จะหายได้เองภายใน 7-14 วัน
7.บางคลินิกใช้การร้อยไหมเติมแทนฟิลเลอร์ อันนี้ไม่แนะนำให้ทำครับ เพราะการเติมเต็มใต้ตาร่องแก้มต้องใช้ปริมาณเส้นไหมจำนวนมาก (เป็นร้อยๆ เส้น) จะทำให้เกิดพังผืด และเกิดปัญหาในอนาคตครับบางคลินิกนำไหมไปปั่นเป็นผงเล็กๆ (ไหมน้ำ) แล้วฉีดแทนฟิลเลอร์ อันนี้ก็ทำให้เกิดพังผืดครับ ไม่แนะนำครับ



ร้อยไหมแล้วหน้าบวม 14 วัน เกิดจากอะไร?

เกิดได้จาก 4 สาเหตุหลักๆ ครับ

1. เนื้อแก้มเยอะ หรือดึงเยอะเกินไป

วิธีร้อยไหมที่หน้าในคนที่มีเนื้อแก้มเยอะ หมอแนะนำให้ทำเมโสแฟต ให้แก้มน้อยลงก่อนครับ จะทำให้สามารถดึงไหมได้เยอะขึ้นเพราะประโยชน์ของการร้อยไหมไม่ได้ช่วยลดไขมันบนใบหน้าครับ

ถ้าคนที่ใจร้อนก็สามารถร้อยไหมได้ แต่ก็จะดึงได้น้อยลง ถ้าดึงเยอะเนื้อแก้มก็จะไปกองด้านบน ทำให้ดูเหมือนหน้าบวมได้ครับ ซึ่งในกรณีแบบนี้จะบวมนานเกิน 1 เดือน ต้องรอให้ไหมเริ่มคลาย 2-3 เดือนถึงจะเริ่มดีขึ้น

ในบางเคสที่เนื้อแก้มเยอะ การร้อยไหมจะช่วยให้เนื้อแก้มน้อยลงได้ครับ โดยผ่านกระบวนการ fat-reposition (การดึงไขมัน) ด้วยการร้อยไหม แต่จะต้องใช้เวลาหลายเดือน และต้องร้อยไหมหลายครั้งครับ

2. การดึงไหมผิดแนว

ถ้า ร้อยไหม เพื่อดึงร่องแก้ม จะทำให้โหนกแก้มเนื้อเยอะขึ้นและทำให้หน้าดูบวมได้ครับ ปกติการร้อยไหมจะเน้นแก้ไขความหย่อนของแก้มในบริเวณใกล้ๆ มุมปาก ร้อยไหมกรอบหน้ามากกว่าครับ

จะเห็นว่าการร้อยไหมนั้นต้องอาศัยเทคนิคและความชำนาญในการประเมินทรงหน้าของแพทย์ด้วยครับ จึงจะทำให้ผลในการร้อยไหมออกมาสวยและเข้ารูป

3. การอักเสบติดเชื้อ

ปกติหลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรกจะมีอาการบวม และหลังจากนั้นอาการบวมจะเริ่มยุบลงจนเข้าที่ใน 14 วัน แต่ถ้าหลังจาก 4 วันแล้วยังบวมแดงมากขึ้น ปวดมากขึ้น ต้องรีบกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินและให้ยากินเพิ่มครับ

4. บวมเลือด, บวมน้ำ

  • บวมเลือด คือ มีเลือดออกในชั้นผิว (hematoma)
  • บวมน้ำ คือ มีน้ำคั่งในชั้นผิวจากการอักเสบ (edema)

ซึ่งทั้ง 2 กรณี จะยุบหายไปเองในระยะ 2-3 อาทิตย์ โดยไม่มีอันตราย

ในการร้อยไหม จะใช้เข็มเพื่อนำเส้นไหมเข้าสู่ผิว ซึ่งเข็มที่ใช้จะมีลักษณะแตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมเลือดและบวมน้ำได้ครับ


เข็มร้อยไหมแต่ละแบบ แตกต่างกันอย่างไร?

A. เข็มแหลม มีโอกาสเกิดการ บวมเลือด > บวมน้ำ

จะตัดผ่านเนื้อคล้ายๆ การใช้มีดคมๆ ตัด จะเจ็บน้อยกว่า บวมน้ำน้อยกว่า เส้นเลือดเล็กๆ ที่โดนตัดผ่านจะสมานได้ไวกว่าการใช้เข็มทู่ แต่ถ้าโดนเส้นเลือดใหญ่ก็จะมีโอกาสบวมเลือดได้ครับ ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์

B. เข็มทู่ มีโอกาสเกิดการ เกิดการ บวมน้ำ > บวมเลือด

จะผ่านเนื้อโดยการฉีกออกคล้ายๆ การใช้มีดทื่อๆ ตัด จะเจ็บมากกว่า บวมน้ำเยอะกว่า สามารถหลบเส้นเลือดใหญ่ๆ ได้ แต่เส้นเลือดเล็กๆ ก็ยังโดนฉีกขาดอยู่ดีครับ ยังมีเลือดออกได้ ในการร้อยไหมเข็มทู่ที่ใช้จะใหญ่กว่าเข็มทู่ที่ใช้ฉีดฟิลเลอร์ครับ จึงบวมช้ำเยอะกว่าฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ถ้าใช้เข็มแหลม ผลที่ออกมาจะสวยกว่าเข็มทู่ครับ แต่เสี่ยงเข้าหลอดเลือด ฟิลเลอร์จึงจำเป็นต้องใช้เข็มทู่ แต่สำหรับการร้อยไหมหมอบางท่านจะถนัดเข็มแหลมมากกว่า เพราะสามารถควบคุมความแม่นยำได้ดีกว่าครับ

C. เข็มตัด เป็นกึ่งแหลมกึ่งทู่ครับ

D. เข็ม L พัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้นหนึ่งครับ

เข็มแต่ละประเภทไม่สามารถระบุได้ว่าชนิดไหนดีที่สุดครับ ขึ้นกับการประเมินเนื้อเยื่อของคนไข้และความถนัดของหมอแต่ละคนครับ เช่น ถ้าคนไข้เคยเป็นสิว และมีพังผืดเยอะ การใช้เข็มทู่ก็จะบวมช้ำมากกว่าเข็มแหลมครับ ที่ V Square Clinic จะมีเข็มทุกแบบ ซึ่งหมอจะประเมินและเลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคนครับ


ทำไมร้อยไหม 3-4 เดือน ก็คลายแล้ว?

การที่ไหมจะดึงผิวไว้ได้ มี 3 ปัจจัยหลักๆ ดังนี้ครับ

1. Elastin ในเนื้อของคนไข้

เมื่อร้อยไหมยกกระชับหน้า จะใช้เส้นไหมที่มีเงี่ยงใช้เกี่ยวเนื้อคล้ายๆ ตะขอ แต่หากเนื้อเยื่อที่เกี่ยว เกิดความเสื่อมสภาพ เงี่ยงก็จะไม่สามารถเกาะอยู่ได้นานครับ เนื้อจะหลุดออกจากเส้นไหม ก่อนที่ไหมจะละลายเสียอีก โดยเฉลี่ยอายุของ elastin ในผิวคือ 6 เดือนครับ

การร้อยไหมในคนอายุเยอะ ผลที่ได้จะอยู้ได้สั้นลงครับ เพราะในผิวขาด elastin แต่เมื่อร้อยเพิ่มหลายๆ ครั้งจะอยู่ได้นานขึ้นเพราะการร้อยไหมจะช่วยกระตุ้นการสร้าง elastin ครับ

2. การสร้าง elastin

แม้เส้นไหมจะละลายไป แต่หากเนื้อเยื่อมีการสร้าง elastin ขึ้นมาเยอะ(คล้าย ๆ แปะกาว) ความกระชับก็ยังคงอยู่ได้ครับ

3. อายุของเส้นไหม

วัสดุที่ใช้ ร้อยไหม ได้ปลอดภัยมี 3 ชนิดคือ PCL / PLLA / PDO เรียงในรูปตามลำดับ

  • PCL (Polycaprolactone) ละลายหมดภายใน 18-24 เดือน เส้นสีขาวขุ่น มีความยืดหยุ่นสูงที่สุด เส้นใหญ่ที่สุด
  • PLLA (Polylactate) ละลายหมดภายใน 12-18 เดือน เส้นสีขาวใส ขาดความยืดหยุ่น อาจจะพบปัญหา ไหมขาด ไหมทะลุได้บ่อย
  • PDO (Polydioxanone) จะละลายหมดภายใน 4-6 เดือน เส้นสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นสูงเป็นที่นิยมมากที่สุด

ร้อยไหมอะไรดีที่สุด?

ในการร้อยไหมดึงหน้า ร้อยไหมยกกระชับหน้า คลินิกต่างๆ จะมีชื่อเรียกไหมแต่ละชนิดมากมาย เช่น ไหมกุหลาบ, ไหมปิรันย่า, ไหมทับทิม, ไหมทอนาโด ฯลฯ เป็นชื่อที่ไม่เป็นสากลครับ คลินิกต่างๆ ตั้งชื่อกันขึ้นมาเองเพื่อให้คนไข้ไม่สามารถเช็ค ราคาร้อยไหม  เทียบกับคลินิกอื่น ๆ ได้ครับ

*เราสามารถสอบถามทางคลินิกเพิ่มเติมได้ครับว่าร้อยไหมชนิดไหน โดยดูตามลักษณะเส้นไหมด้านล่างนี้ครับ

แท้ที่จริงแล้วเราแยกชนิดไหมหลักๆ ได้ดังนี้ครับ

  • ตามชนิดวัสดุ PDO, PLLA, PCL

  • ตามลักษณะเส้นไหม


ในรูปนี้คือวัสดุ PDO จะเป็นสีน้ำเงินครับ ถ้า PLLA จะเป็นสีขาวใส, PCL จะสีขาวขุ่น ซึ่งจากประสบการณ์พบว่าไหมที่ดึงหน้าได้ดีที่สุดคือไหมเงี่ยงใหญ่ครับ เป็นที่นิยมใช้ในทุกคลินิก แล้วแต่ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไร และตั้งราคาร้อยไหม ต่างกันเท่านั้นเอง




ข้อปฏิบัติตัว ก่อน-หลัง ร้อยไหม เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น

ก่อนร้อยไหม

  • ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินโครงสร้างใบหน้าและปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อวางแผนการรักษา
  • เมื่อปรึกษาแพทย์เรียบร้อยแล้ว ถ้าพร้อมก็สามารถร้อยไหมได้เลยครับ ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา วิตามินและยาที่ทานประจำ (ก่อนร้อยไหมควรงดยาและวิตามิน เช่น แอสไพริน, NSAIDs, ginseng และ Vitamin E)
  • 24 ชั่วโมงก่อนร้อยไหม ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด
  • ทางคลินิกจะมีการฉีดยาชาให้ก่อนร้อยไหม

การดูแลตัวเอง หลังร้อยไหม

  • หลังร้อยเสร็จทันที อาจมีอาการบวมแดง เขียวช้ำ ในจุดที่ร้อยไหมได้เป็นปกติ หายไปเองใน 2-3 วัน ห้ามแกะ เกา หรือกดนวด
  • ทางคลินิกจะมีการจ่ายยาแก้ปวด ลดบวมให้
  • ช่วง 3 วันแรก ไม่ควรขยับใบหน้าเยอะ อาจทำให้ไหมเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้
  • งดยิงเซเลอร์ร้อน และหัตถการอื่นๆ ที่ใช้ความร้อน เป็นเวลา 2 เดือน

ในการดูแลตัวเองหลังร้อยไหม เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น ข้อสำคัญคือควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดครับ โดยหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เกี่ยวกับความร้อนและควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสัมผัสใบหน้า


ร้อยไหม vs ฟิลเลอร์ vs โบท็อก vs Ulthera/Hifu ควรทำอะไรดี?

2.png

แบ่งได้ง่ายๆ ตามนี้ครับ

  • ร้อยไหม เหมาะสำหรับคนที่แก้มหย่อนมากๆ จะเห็นผลได้ชัดเจน โดยที่ราคาไม่แพง
  • อัลเทอร่า/ไฮฟู่ เหมาะสำหรับคนที่แก้มหย่อนไม่มาก เห็นผลไม่ชัดเจนเท่าร้อยไหม และราคาค่อนข้างสูง เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม
  • ฟิลเลอร์ เหมาะสำหรับคนที่หน้าหย่อนคล้อยจากร่องใต้ตาร่องแก้มที่ลึก
  • โบท็อก สำหรับคนที่มีกล้ามเนื้อกรามเยอะ(กัดฟันแล้วกรามเด้งเยอะ) ร่วมกับมีริ้วรอยบริเวณหางตา-หน้าผาก

ร้อยไหมแต่ละชนิด ราคาเท่าไหร่?

การร้อยไหม ราคาจะแตกต่างกันไปตามชนิดของไหม วัสดุ และจำนวนเส้นไหมที่ใช้ครับ สำหรับที่ V Square Clinic ใช้เส้นไหม PCL และ PDO ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยครับ


รีวิว ร้อยไหมยกกระชับหน้า

หลังทำทันที ส่วนที่ตอบลงไปกลับมาอิ่มเอิบ แก้มยกกระชับ ใบหน้าเรียวสวยเข้ารูป

รีวิวเพิ่มเติม

-รีวิวร้อยไหมก้างปลา แก้หน้าตอบ แก้มห้อย ให้เต็มและดูเข้ารูป


-แก้ไขแก้มห้อย กรามกว้างชัด หน้าไม่เรียว

*ผลการรักษาแตกต่างกันแต่ละบุคคล


Q&A : ร้อยไหม

ร้อยไหม กี่วันเห็นผล?

การร้อยไหมยกกระชับใบหน้า จะเห็นผลทันทีหลังทำ และเห็นผลชัดเจน สวยเข้ารูปใน 1 เดือน ครับ หากมีอาการบวม จะหายไปเองใน 14 วัน

ร้อยไหม เจ็บไหม?

 ระหว่าง ร้อยไหม คนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บครับ เพราะก่อนทำจะมีการฉีดยาชาให้ก่อน อาจจะรู้สึกตอนที่หมอกำลังร้อยไหมเข้าไป เป็นเรื่องปกติครับ

ร้อยไหม ต้องใช้ยาชาหรือไม่?

การร้อยไหมต้องฉีดยาชาทุกครั้ง โดยที่คลินิกจะมีการทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะร้อยไหมให้ก่อนครับ

ร้อยไหม ใช้เวลานานหรือไม่?

การร้อยไหมใช้เวลา 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนไหมที่ใช้ร้อย และเทคนิคของแพทย์ด้วยครับ

ถ้าไม่ร้อยไหมซ้ำ ทำให้หน้าเหี่ยวจริงไหม?

ไม่จริงครับ เมื่อไหมละลายไปแล้วก็ยังเหลือเส้นใย elastin ที่จะช่วยประคองผิวไว้ ถ้าร้อยไหมด้วยเทคนิคที่ถูกต้องจะทำให้ผิวกระชับกว่าก่อนร้อยแน่นอนครับ

ปัญหาหน้าไม่เท่ากัน ร้อยไหมช่วยได้ไหม?

ช่วยได้ครับ ในเคสที่หน้าไม่เท่ากันจากการที่แก้มย้อยหรือแก้มหย่อน สองข้างไม่เท่ากัน โดยหมอจะใช้แรงดึงไหมทั้งสองข้างตามปัญหา ข้างที่แก้มหย่อนกว่าก็จะใช้แรงมากกว่า เพื่อให้ใบหน้าทั้งสองข้างเท่ากันครับ


สรุป

การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์รวดเร็วครับ ช่วยแก้ปัญหาแก้มหย่อน แก้มย้อย ผิว กรอบหน้าไม่กระชับ ได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ก็ควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อประเมินปัญหานั้นๆ ก่อนทำทุกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยครับ



ดูรีวิวอื่น ๆ เพิ่มเติม
โดย หมออุ้ย
ปรับรูปหน้ามากกว่า10,000เคส
โปรโมชั่นดีๆจาก Lyft Clinic
หน้าไบร์ท แบบเร่งด้วย ในงบ 2,900 บาท ด้วย HYA สูตรเข้มข้น
โปร 1 แถม 1 ปรับผิวคล้ำให้กระจ่างใส ด้วยวิตามินผิว VITCPLUS 990
Hifu ทั้วหน้า 200 Shots เพียง 3,900 บาท
อัพความมั่นใจ กับการเติมรูปหน้าสวยด้วย Filler neuramis 5,900 บาท